ISUZU ยังมอนิเตอร์ตลาดปิกอัพต่อเนื่อง หลังยอดขายชะลอตัวเหตุไฟแนนซ์เข้ม

อีซูซุ ยังมอนิเตอร์ตลาดปิกอัพต่อเนื่อง หลังยอดขายลดลงเหตุไฟแนนซ์เข้มจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แย้มมีโอกาสนำกระบะไฮบริดมาลองตลาดในอนาคต

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด หรือ Isuzu กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดปิกอัพในไตรมาส 1/67 โดยเฉพาะยอดขาย 2 เดือนแรกยังเป็นเหมือนครึ่งปีหลัง 66 ที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการปล่อยสินเชื่อของไฟแนนซ์ยังคงเข้มงวดเหมือนเดิม และผู้ใช้ปิกอัพส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและ SME ซึ่งมีหลักฐานการเงินที่ไม่แน่นหนา และรายได้ประจำไม่มีหลักฐานเพียงพอทำให้ผ่านมาตรฐานการคัดกรองของไฟแนนซ์ยาก

ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้จะมีสัญญาณที่ดีเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลมีการนำงบประมาณมาใช้ในช่วงกลางปีนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่สัญญาณลบก็ยังคงอยู่ เช่น ความเข้มงวดของบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ เราจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักดีๆ ระหว่างสัญญาณบวกกับลบ จำเป็นต้องดูหลายปัจจัยประกอบ เราถึงจะพิจารณาได้ว่า ตลาดรถปิกอัพปีนี้ควรจะเป็นเท่าไร ทำให้ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้

สำหรับยอดขายรวมของรถปิกอัพในปีที่ 66 อยู่ที่ประมาณ 264,738 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 34% และยอดขาย 2 เดือนแรกของปี 67 นี้อยู่ที่ 30,000 คัน เนื่องจากปีที่แล้วมีหลายค่ายแนะนำรถเก๋งรุ่นใหม่ๆ ออกมาหลายรุ่น ทำให้ตลาดรถเก๋งขยายตัวมากขึ้น

มร.ทาคาชิ กล่าวอีกว่า ในงาน Motor Show 2024 อีซูซุได้นำ Isuzu D-Max EV Concept และรถบรรทุก Isuzu Elf EV มาโชว์ด้วย ซึ่งในฐานะผู้จำหน่ายรถปิกอัพและรถเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก ไม่คิดว่ารถทุกประเภทจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น EV ทั้งหมด

ทั้งนี้ เราต้องการสนับสนุนรัฐบาลไทยในการดำเนินนโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2050 ดังนั้นจึงแนะนำรถที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภทแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น EV, FCEV หรือรถที่ใช้น้ำมันที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนที่เรียกว่า CN Fuel ซึ่งอีซูซุกำลังดำเนินการอยู่

เนื่องจากอีซูซุมีแนวคิดเกี่ยวกับ Multi-Pathways to Carbon Neutrality หรือโซลูชันส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยเหตุผลที่ว่าเรามีวิธีการอันหลากหลายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

นอจากนี้ Isuzu เห็นด้วยว่า กระบะไฮบริดจะเป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะบรรลุสังคมความกลางทางคาร์บอนได้ และในอนาคตเราก็อาจจะมีรถไฮบริดปิกอัพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการจะเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนก็ได้ แต่ระหว่างไฮบริดปิกอัพ กับปิกอัพอีวีที่จะผลิตในไทย อะไรจะมาก่อนกันนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือ การมอนิเตอร์วิธีการใช้งานของลูกค้าเป็นหลักแล้วจึงตัดสินใจว่าลูกค้าแต่ละกลุ่ม อีซูซุควรจะแนะนำรถประเภทใดจึงจะเหมาะสม เนื่องจากรถพลังงานทางเลือกมีข้อดี-ข้อเสียหลายประการ

นอกจากนี้อีซูซุมีแผนส่งออกรถปิกอัพไฟฟ้าจากฐานการผลิตในไทยไปนอร์เวย์ปีหน้า นอกจากนี้มีสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และไทย แต่ยังไม่ได้จัดลำดับก่อนหลังขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ demand ของลูกค้าในประเทศว่ามีเท่าไร ซึ่ง Isuzu D-Max EV Concept ในไทยก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี แต่เรายังไม่มีแผนจำหน่ายในปีนี้ และมีหลายขั้นตอนก่อนที่จะนำสินค้าออกสู่ตลาด

เนื่องจากรถปิกอัพไม่ใช่รถเก๋ง จำเป็นต้องมอนิเตอร์วิธีการใช้รถจริง เพราะรถปิกอัพไฟฟ้าจะต้องดูเรื่องน้ำหนักบรรทุก ระยะทางวิ่งได้ไกลเท่าไร และเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า ถ้าสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้พร้อม และเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของลูกค้าจะนำมาสู่การพิจารณาเพื่อตัดสินใจในอนาคต

ส่วนประเด็นที่ว่าดีลเลอร์ที่ย้ายค่ายไปขายรถไฟฟ้าเพราะขายได้ง่ายกว่านั้น เราคงทำได้เพียงแค่พยายามให้ดีลเลอร์และฝ่ายขายเข้าใจนโยบายของอีซูซุว่า เราไม่ได้ขายแค่ผลิตภัณฑ์ แต่เราขายบริการและรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าด้วย ซึ่งหากมาตรการที่เข้มงวดของไฟแนนซ์ผ่อนคลายลง ตลาดรถปิกอัพก็จะกลับมาเจริญเติบโตเหมือนเดิม

2024-03-29T01:54:34Z dg43tfdfdgfd