เจมส์ ดีน ดาราดังขวัญใจวัยรุ่นยุค 50 ก่อนกลายมาเป็นตำนานของวงการฮอลลีวูดได้เสียชีวิตลงในวันที่ 30 กันยายน 1955 (พ.ศ. 2498) หลังขับรถสปอร์ตเข้าชนรถยนต์อีกคันที่กำลังเลี้ยวตัดหน้า ทำให้เขาถึงแก่ความตายแทบทันที
ดีน เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1931 ในอินเดียนา ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะย้ายไปยังแคลิฟอร์เนียเมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ แต่เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิตได้ 4 ปี ดีน กลับไปใช้ชีวิตที่อินเดียนาอีกครั้งภายใต้การดูแลของป้าและลุง เมื่อจบระดับมัธยมปลายเข้าจึงเดินทางไปศึกษาด้านการละครในแคลิฟอร์เนีย และเริ่มอาชีพนักแสดงด้วยการรับบทในโฆษณาเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม
หลังจากนั้นเขาได้รับบทสมทบทั้งในละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงละครบรอดเวย์ โดยเฉพาะละครบรอดเวย์เรื่อง The Immoralist (1954, คนไม่มีศีลธรรม) ที่เขารับบทเป็นเด็กหนุ่มเกย์เชื้อสายอาหรับ ซึ่งการแสดงของเขาไปเตะตา เอเลีย คาซาน (Elia Kazan) ผู้กำกับเชื้อสายตุรกีที่เลือกให้เขารับบทนำเป็นเด็กวัยรุ่นมีปัญหาในภาพยนตร์เรื่อง East of Eden (1955) ที่ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงแถวหน้าและยังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว (1956)
ภาพยนตร์เรื่องที่สองของเขา (ที่ได้รับบทนำ) Rebel Without a Cause (1955) ออกฉายหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งเดือนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตอกย้ำภาพลักษณ์วัยรุ่นมีปัญหาผู้ปฏิเสธค่านิยมของคนเก่าคนแก่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการหาเป้าหมายในชีวิต ซึ่งกลายมาเป็นตัวตนของ เจมส์ ดีน ที่คนจดจำไป
ไม่นานหลังจากเสร็จการถ่ายทำเรื่อง Giant (1956) ภาพยนตร์เรื่องที่สามของเขา ดีนผู้รักความเร็วได้ขับรถ Porche สีเงินเพื่อไปร่วมการแข่งขันรถยนตร์ในซาลีนาส (Salinas) ในวันที่ 30 กันยายน 1955 ก่อนถูกรถฟอร์ดเลี้ยวตัดหน้า ทำให้รถของดีนพุ่งเข้าชนอย่างจัง เขาจึงเสียชีวิตแทบจะทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ
รายงานของนิวยอร์กไทม์ วันที่ 3 ตุลาคม 1955 ระบุว่า กองงานสายตรวจทางหลวงของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกมาเผยว่า ดีน ได้รับใบสั่งจากการขับรถเร็วเกินกำหนดในย่านเบเคอร์สฟิลด์ (Bakersfield) เพียง 2 ชั่วโมง ก่อนเกิดอุบัติเหตุซึ่งนำไปสู่ความตายของดาราดัง โดยเขาขับด้วยความเร็ว 65 ไมล์ (105 กม.) ต่อชั่วโมง ในย่านความเร็วจำกัดที่ 45 ไมล์ (72 กม.) ต่อชั่วโมง
ข้อมูลดังกล่าวทำให้หลายคนเชื่อว่า ดีน น่าจะขับรถด้วยความเร็วสูงในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน แต่พยานหลายคนให้การยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุ ดีน มิได้ขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด
อย่างไรก็ดี การที่ศาลยืนยันไม่เอาผิดกับคนขับรถฟอร์ด ย่อมทำให้ ดีน ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเมื่อภาพลักษณ์วัยรุ่นมุทะลุรักความเร็วของเขาถูกตอกย้ำอยู่เสมอ จึงมีผู้ออกมาแก้ต่างให้ ดีน อยู่หลายครั้ง เช่นรายงานของ LA Times ในปี 2005 ที่ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ รอน เนลสัน (Ron Nelson) เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงวัยเกษียณซึ่งได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและอ้างว่า เห็น ดีน หายใจรวยรินระหว่างถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล โดยเขายืนยันว่า ผู้ผิดในเหตุการณ์นี้คือคนขับรถฟอร์ด และดีนไม่ได้ขับด้วยความเร็ว 90 ไมล์ (145 กม.) ต่อชั่วโมงอย่างที่มีรายงานกัน
เนลสันอ้างว่า เมื่อพิจารณาจากซากรถและตำแหน่งของร่างของ ดีน เขาเชื่อว่า ดีน น่าจะขับด้วยความเร็วราว 55 ไมล์ (86 กม.) ต่อชั่วโมงเท่านั้น
ขณะที่รายงานของเทเลกราฟในปี 2005 อ้างสารคดีของ Channel 5 ของอังกฤษที่ใช้การวิเคราะห์หลักฐานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยสารคดีดังหล่าวให้ความเห็นว่า ดีน น่าจะขับด้วยความเร็วราว 70 ไมล์ (113 กม.) ต่อชั่วโมงขณะเกิดเหตุ และเขาน่าจะพยายามเบรกอย่างสุดตัวเพื่อเลี่ยงการปะทะมากกว่าการเร่งความเร็วเพื่อหักหลบหนีอย่างที่มีการสันนิษฐานกัน
อ่านเพิ่มเติม :
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
“James Dean”. Encyclopedia Britannica. “Dean Had Ticket for Speeding”. The New York Times. “Remembering a ‘Giant’”. Los Angeles Times. “Revealed: the truth behind the crash that killed James Dean”. The Telegraph.เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 กันยายน 2559
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 30 กันยายน 1955 : “เจมส์ ดีน” เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com
2020-09-30T00:02:33Z dg43tfdfdgfd