ชัดเจน แต่คลุมเครือ

คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

จากจุดเริ่มต้นในปี 2014 Hozon Auto ในช่วงที่รัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และเริ่มผลิตรถออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2018 ภายใต้แบรนด์ Neta

ใช้ระยะเวลาไม่นาน เนต้ามียอดขายติดอันดับ 4 ของรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ยอดขาย 1,200 คัน จนปี 2022 เพิ่มเป็น 150,000 คัน

ในปี 2022 เนต้าออกมาทำตลาดนอกจีนเป็นครั้งแรก ปักหมุดหมายมายัง ส่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเนต้า วี (Neta V) ลุยตลาด ในเวลานั้นสอดรับกับนโยบายประเทศไทยที่หันมาสนับสนุนและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ในเวลาไล่เลี่ยกันภายใต้นโยบาย อีวี 3.0 และ 3.5

เนต้ากลายเป็นค่ายรถยนต์อีวี ที่หลายคนตั้งความหวังทั้งลูกค้า กลุ่มผู้ใช้รถ, ลูกค้า ดีลเลอร์ หรือกลุ่มผู้แทนจำหน่าย ต่างให้ความสนใจโดดเข้าร่วม

และยังเป็นแบรนด์แรกที่เริ่มผลิตชดเชยให้กับรัฐบาลไทย ด้วยยอดขายมากกว่า 22,000 คัน ขณะเดียวกันความสั่นคลอนของเนต้า เริ่มออกอาการให้เห็นเป็นระยะ ๆ

จนเมื่อในวันที่ 19 มิ.ย. 2025 “Hozon Auto” บริษัทแม่ Neta ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกราก ของกระแสว่าจะอยู่หรือไป สร้างความกระอักกระอ่วนให้กับผู้เกี่ยวข้องไม่น้อย

สิ่งที่คงติดอยู่ในใจของ “กลุ่มผู้ใช้รถเนต้า” ในบ้านเรา คือความชัดเจนว่าใครจะเข้ามาดูแลและรับผิดชอบ ส่วนของงานบริการหลังการขาย การรับประกันคุณภาพรถ วอร์แรนตีต่าง ๆ

ขณะที่ทีมเนต้า ไทยแลนด์เอง มี เพราะเอาเข้าจริงต่างรอความชัดเจนเช่นเดียกัน เพียงแค่ “ซื้อเวลา” รอบริษัทแม่เท่านั้น

เมื่อบริษัทแม่ เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย หรือการฟื้นฟูกิจการ การดำเนินกิจการต่าง ๆ ต้องถูกแช่แข็งไปอีกพักใหญ่ จนกว่าจะมีแผนฟื้นฟูธุรกิจที่ชัดเจนออกมา

แม้จะมีกระแสว่ามีกลุ่มทุน นักลงทุนรายใหม่ พร้อมที่จะเข้าแต่ทุกอย่างยังต้องใช้เวลา

คำถามคือ ประเทศไทย หลังจากเนต้าเข้ารับการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุนไปจากรัฐบาลไทย จากนี้ไปใครจะรับผิดชอบ เนต้ายังมีพันธสัญญาที่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยกับมาตรการดังกล่าวจะทำอย่างไรต่อไป ตรงนี้ต้องติดตาม

กลุ่มนักลงทุนชาวไทย ดีลเลอร์เนต้า วันนี้ยัง “ลูกผีลูกคน” ยังขาดสภาพคล่อง แน่นอนว่าหากเป็นกลุ่มดีลเลอร์อาชีพที่มีประสบการณ์สูง อาจจับสัญญาณผิดปกตินี้เอาตัวรอดไปได้

แต่ดีลเลอร์หลายรายที่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ เข้ามาลองลิ้มชิมรส ความหอมหวนของการขายรถยนต์ แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาก็ไปต่อไม่เป็น เงินทุนก้อนใหญ่ได้เทลงไปตรงนี้ ไม่มีใครจะคาดคิดว่าสถานการณ์วันนี้แทบจะต้อง “ล้มทั้งกระดาน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมค้าปลีกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ย้อนกลับไปปี 2563 ค่าย “เชฟโรเลต” ประกาศถอยทัพถอนกิจการออกจากไทย หลังจากยอดขายต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจเลิกกิจการ เลิกขาย เลิกผลิต ขายโรงงานที่ จ.ระยอง ให้กับเกรท วอลล์ มอเตอร์

แต่ยังคงเหลือส่วนงานบริการหลังการขายไว้ดูแลลูกค้าผู้ใช้รถ ต่างจาก “เนต้า” ที่รถยนต์ขายดี รถได้รับความนิยม แต่ต้องสะดุดจากบริษัทแม่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง จนกลายเป็นวิกฤตลุกลาม

เมื่อธุรกิจไปต่อไม่ได้ หรือมีการคัตลอส เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง แต่สำหรับสถานการณ์วันนี้ อาจจะยังไม่เพียงพอ วันนี้ทุกคนได้แต่รอความหวังและความชัดเจน

คำถามคือใครจะรับผิดชอบ ผู้บริโภค ลูกค้าที่ซื้อรถ ใครจะรับผิดชอบ กับเงินอุดหนุน ที่รัฐบาลใช้ไปในครั้งนี้ ใครจะรับผิดชอบ ดีลเลอร์ที่ยังต้องเดินหน้าธุรกิจ

แล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยังต้องเผชิญกับ “วังวนนี้อีกกี่มากน้อย” ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันหามาตรการปกป้องผู้บริโภค และผู้ประกอบการไทย ให้มีวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ชัดเจน แต่คลุมเครือ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2025-07-04T03:47:17Z