เฟอร์รารี่ 12CILINDRI SPIDER เสน่ห์ขุมกำลัง V12

การปรากฏโฉมของ  Ferrari 12Cilindri ยนตรกรรม 2 ที่นั่ง ขุมพลัง V12 รุ่นใหม่ล่าสุดจากมาราเนลโล ที่รวบรวมความสมบูรณ์แบบแห่งสายเลือดม้าลำพองเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งสมรรถนะและแฮนด์ลิ่ง ร่วมด้วยดีไซน์ประณีตบรรจง การออกแบบทันสมัย ได้แรงบันดาลใจมาจาก Ferrari แบบ Gran Tourer รุ่นต่างๆ ช่วงยุค 1950 และ 60 หลอมออกมาเป็นความเร้าใจในการขับขี่สไตล์รถแข่ง ผสานเข้ากับความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

"12Cilindri Spider" (อ่านว่าโดดิชี่ ชิลินดรี่ สไปเดอร์) ได้รับรางวัล Car Design Award ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดระดับโลก นับเป็นหนึ่งในสุดยอดรถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นล่าสุดจากเฟอ์รารีที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2025 โดยการรวบรวมความสมบูรณ์แบบแห่งสายเลือดม้าลำพองเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งสมรรถนะและแฮนด์ลิ่งที่ดี ร่วมด้วยดีไซน์อันประณีตบรรจง ปรับลดความบึกบึนแล้วเปลี่ยนสู่การดีไซน์แห่งอนาคตที่มีความเรียบง่าย แต่ยังมีกลิ่นอายของการออกแบบที่สอดคล้องไปกับโลกยนตรกรรมในปัจจุบัน ร่างเงาของรถเผยถึงความโฉบเฉี่ยวและมีระดับ แฝงไว้ซึ่งระบบแอโรไดนามิกแบบแอคทีฟเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้มาซึ่งประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ฝากระโปรงแบบเปิดขึ้นไปทางด้านหน้ารถเพื่อเผยให้เห็นมุมมองใหม่ของห้องเครื่อง และปลายท่อไอเสียคู่สอง

ส่วนข้างของรถเรียบง่ายเป็นพิเศษเส้นสายทั้งหมดเกิดจากจุดตัดระหว่างส่วนเว้าส่วนโค้งและการเข้าถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อก่อให้เกิดรูปทรงที่ชวนให้หวนรําลึกถึงอดีต อย่างไรก็ตามหนึ่งในวัตถุประสงค์ของ Ferrari 12Cilindri คือการค้นหาภาษาการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับโลกของรถยนต์ ดังนั้น จึงตัดบางองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์สําคัญของส่วนหน้ารถออกไป เช่น ไฟหน้าที่มีรูปทรงเรียวยาวและกระจังหน้าแบบปกติ แล้วหันไปใช้รูปทรงแบบเลขาคณิตและการตัดกันไปมาเพื่อสะท้อนถึงจุดกําเนิดของการออกแบบรถยนต์ ไฟหน้าถูกรวมเข้ากับแถบที่คาดยาวตลอดแนวโดยมี DRL ฝังไว้ด้านล่างให้ดูคล้ายกับใบมีด

ด้านท้ายลบส่วนเว้าส่วนโค้งออกไป ชุดไฟท้ายที่มีดีไซน์สอดรับกับไฟหน้า ติดตั้งอยู่ในบาร์แนวนอนที่พาดยาวเต็มความกว้างของท้ายรถที่โค้งมน ส่งให้มุมมองด้านหลังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นับเป็นอีกครั้งที่ทีมออกแบบแสดงให้เห็นถึงฝีมือในการหลอมรวมทางเทคนิคเข้ากับฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างงดงามแทนที่จะใช้ปีกหลังแบบทั่วไป เหล่านักออกแบบเปลี่ยนมาใช้แผ่นรับอากาศแบบแอคทีฟติดตั้งซ่อนเข้ากับกระจกหลังอย่างแนบเนียน จนเกิดเป็นธีมทรงสามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ สัมผัสโดยรวมคือการทําให้ดูเชื่อมโยงไร้รอยต่อ ส่งให้เกิดเป็นแนวคิดแห่งรูปทรงที่ลํ้ายุคอย่างยิ่ง แนวคิดนี้ทําให้ผู้ออกแบบสามารถดีไซน์ (รูปทรงตัวถัง) ส่วนท้ายของรถมีมิติที่ดูแข็งแกร่งและสะอาดตายิ่งขึ้นจากการใช้สีเดียวกับตัวถัง ส่วนล่างซึ่งเป็นสีดําหรือคาร์บอนไฟเบอร์ (ออปชั่น) โครงสร้างของดิฟฟิวเซอร์ จนทําให้ส่วนบนของตัวถังดูเบาราวกับลอยตัวอยู่ บริเวณนี้ยังเป็นที่ติดตั้งเซนเซอร์และปลายท่อไอเสียคู่อีกด้วย

การออกแบบห้องโดยสารเล่นระดับออกเป็น 3 ส่วนแตกต่างกัน ชั้นแรกเป็นส่วนบนของแดชบอร์ดที่ผสานต่อเนื่องไปไปยังแผงประตู ชั้นต่อมาคือพื้นที่ส่วนกลาง ในขณะที่ชั้นสุดท้ายเป็นส่วนของพื้นรถและเบาะนั่ง แต่ละระดับถูกแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนโดยเน้นให้เห็นความเป็นค็อกพิตแบบคู่ด้วยการตัดสีและการใช้วัสดุตกแต่งที่แตกต่างกัน ทั้งสองสิ่งนี้ถูกนํามาใช้เพื่อสร้างได้ทั้งความสง่างามหรือความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวให้กับเบาะนั่งและองค์ประกอบอื่นๆ

แผงควบคุมของคอนโซลกลางทอดตัวตามแนวยาวแยกออกจากแดชบอร์ด จนดูราวกับเป็นส่วนที่ยื่นต่อเนื่องออกมาจากอุโมงค์เกียร์ด้านหลัง ด้านข้างของคอนโซลเปิดโล่งช่วยเพิ่มสัมผัสแบบลอยตัวให้กับห้องโดยสารทั้งยังตกแต่งด้วยวัสดุที่สูงค่าและมาพร้อมกับที่เป็นโลหะรูปตัว Y ซึ่งเป็นที่ติดตั้งชุดร่องคันเกียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

มาพร้อมกับระบบ Human Machine Interface (HMI) รุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยจอแสดงผล 3 ตําแหน่งที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางในยนตรกรรม Ferrari V12 Berlinetta ให้สูงขึ้นไปอีกระดับ ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารสามารถควบคุมฟังก์ชั่นหลักทั้งหมดได้เพียงเอื้อมมือ ผ่านหน้าจอส่วนกลางขนาด 10.25 นิ้ว ระบบสัมผัส โดยมีจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว แยกสําหรับผู้ขับ เพื่อบอกข้อมูลการขับขี่และการทํางานต่างๆ ของรถ นอกจากนั้น ผู้โดยสารยังรู้สึกมีส่วนร่วมในประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับเป็นผู้ช่วยนักขับ ผ่านจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้ว อีกด้วย

พวงมาลัยระบบสัมผัส พร้อมปุ่มสําหรับควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ แบบเดียวกับที่เคยเห็นไปแล้วในรถรุ่นใหม่ต่างๆ ของ Ferrari นั่นหมายถึง การสั่งงานต่างๆ สามารถทําได้อย่างแม่นยํามากขึ้น ทั้งยังรวดเร็วและง่ายดาย แม้ขณะขับขี่แบบสปอร์ต Ferrari 12Cilindri รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto® โดยทั้งสองระบบสามารถควบคุมได้ง่ายดายไม่ต่างกันผ่านจอแสดงผลส่วนกลาง นอกจากนั้น ยังมีระบบชาร์จแบบไร้สาย(อุปกรณ์มาตรฐาน) ติดตั้งมาให้ที่คอนโซลกลาง ทําให้สามารถชาร์จโทรศัพท์ได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย

บทพิสูจน์เจ้าม้าลำพองตัวนี้ในสนามแข่งขันปทุมธานีสปีดเวย์ ซึ่งทีมงานได้จัดเตรียมไว้เพื่อให้ได้ลองทดสอบกัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ด้วยความสดใหม่ของเครื่องยนต์ V12 รุ่นใหม่ กับพละกำลังมหาศาล 830 แรงม้า ที่ทำรอบสูงสุดได้ถึง 9,500 รอบ/นาที กับแรงบิด 678 นิวตัน-เมตร ที่ 7,250 รอบ/นาที มาพร้อมกับเกียร์ 8 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission) ต้องเรียนรู้การควบคุมเพื่อให้การขับที่ปลอดภัยแต่คงความสนุกเร้าใจทั้งพละกำลังและเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจาก Ferrari 12Cilindri คันนี้เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ขับขี่บนทุกสภาพถนน

ดังนั้นพละกำลังที่ถูกเรียกใช้ตั้งแต่ออกตัวมหาศาล และจาก 80% ของแรงบิดมีให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 2,500 รอบ/นาที เท่านั้น ต่อเนื่องไปจนถึงเรดไลน์ ตอบสนองทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเลนกระทันหัน การเข้าโค้งด้วยความเร็วที่ให้ฟิลลิ่งเฉียบคม แม่นยำ หรือกระทั่งระบบเบรก ระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ชื่นชอบการขับรถที่ปลุกเร้าความรู้สึกตื่นเต้น แต่มั่นใจสมรรถนะ และเทคโนโยยีที่ใส่มาให้ก็เกินกำลัง หรือถ้าอยากตกแต่งให้แตกต่างเฟอร์รารีก็มีให้เลือกสรรค์ในรุ่น 12Cilindri Spider เริ่มต้น 43.89 ล้านบาท หรืออยากลดระดับลงมาอีกนิดก็มีรุ่น 12Cilindri ให้เลือกในราคาเริ่มต้น 40.05 ล้านบาท แต่ถ้าอยากแตกต่างอย่างสุดๆ อาจไปจบกันที่ครึ่งร้อยล้านบาทกันเลยทีเดียว.

2025-05-03T03:27:26Z